วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"10 จังหวัด ที่ติดอันดับแชมป์อ้วนที่สุด ของประเทศ" <นส.พรนภา กุลประดิษฐ์ ม.5/6 เลขที่16>

อ้วน
กระทรวงสาธาระสุขออกมาเปิดเผยแล้วว่า.. 10 จังหวัด ที่เป็น แชมป์อ้วนลงพุง และป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากที่สุด โดยวิเคราะห์สถานการณ์การเจ็บป่วยของคนไทย ตั้งแต่ปี 2550-2551 พบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ทั้ง เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, หัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ซึ่งได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 2 ล้านรายต่อปี โดยมากที่สุดคือ โรคความดันโลหิตสูง มีมากกว่า 1 ล้านรายต่อปี และยังมีโรคแทรกซ้อนตามมา คือ ไตวาย, อัมพฤกษ์, อัมพาส และโรคหัวใจ

ซึ่ง แนวโน้มความเจ็บป่วยนั้นก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีการควบคุมอาจสงผลกระทบถึงระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยรวมของประเทศ ในเรื่องของการรักษาโรคถึง 4,200 ล้านบาท และเชื่อว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า (2558) จะสูญเสียมากขึ้นถึง 52,150 ล้านบาท กรมอนามัยจึงลงพื้นที่สำรวจ 10 จังหวัด ที่ติดอันดับแชมป์ "อ้วน" ที่สุดของประเทศ


10 จังหวัดที่ติดอันดับแชมป์ "อ้วน" ที่สุดของประเทศ ได้แก่

1. ชัยภูมิ
2. ประจวบคีรีขันธ์
3. แม่ฮ่องสอน
4. เพชรบูณร์
5. นครราชสีมา
6. ชลบุรี
7. อุตรดิตถ์
8. ลพบุรี
9. นนทบุรี
10. สุราษฎร์ธานี





ดัง นั้นทางกรมอนามัยจึง ร่วมรณรงค์ให้คนไทยรู้จักควบคุมน้ำหนัก เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วน

ซึ่งเป็นต้นเหตุที่จะทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา โดยจัดทำโครงการ "จังหวัดไร้พุงมุ่งสู่สุขภาพดี"

ท่านอธิบดี กรมอนามัย คุณหมอ ณรงศักดิ์ ท่านได้เสนอมาว่า.. กิจกรรมเพศสัมพันธ์ ถือเป็นกีฬาในร่มผ้าที่ลดน้ำหนักได้ดี ได้จากผลสำรวจแผนรองรับนานาชาติในยุโรปที่ประกาศไว้อย่างชัดเจน ซึ่งการมีกิจกรรมนี้ 1 ชั่วโมง สามารถลดไขมันได้ถึง 180 กิโลแคลรอรี่ = ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม เพราะว่าเป็นการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และใช้พลังงานอย่างหนัก เลยทำให้น้ำหนักลดลงในระดับที่ดีได้ หากผู้ที่ทำกิจกรรมไม่ได้ทานอะไรหลังเสร็จสิ้น ก็เชื่อว่า..จะพิชิตความอ้วนได้ผล (ช่างล่อแหลมจริงๆ) แต่เพื่อนๆ ก็อย่าลืม 3 อ. นะค่ะ ในการช่วยลดน้ำหนัก คือ อาหาร, ออกกำลังกาย และอุปนิสัยในการรับประทาน ซึ่งสิ่งเรานี้นั้นสามารถช่วยเพื่อนๆ ได้ในการลดน้ำหนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น